บทความไม่ติดอันดับเพราะอะไร? ลองเช็ค 5 ข้อนี้ก่อน

หลายคนตั้งใจเขียนบทความ SEO อย่างดี แต่สุดท้ายกลับไม่ติดอันดับใน Google เสียที เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “เขียนดี” อย่างเดียว แต่มีปัจจัยเบื้องหลังอีกหลายข้อที่คุณอาจมองข้ามไป มาเช็กกันเลยว่า 5 ข้อที่อาจเป็นตัวฉุดอันดับบทความคุณมีอะไรบ้าง

Keyword ไม่ชัด หรือเลือกผิดกลุ่มเป้าหมาย

คีย์เวิร์ดคือจุดเริ่มต้นของทุกบทความ SEO ถ้าคุณเลือกคีย์เวิร์ดที่ไม่มีใครค้นหา หรือแข่งกับเว็บใหญ่โดยตรง แบบนี้ก็ยากที่จะขึ้นอันดับ

สิ่งที่ควรตรวจสอบ

  • คีย์เวิร์ดที่ใช้มีปริมาณการค้นหาหรือไม่?
  • มีการแข่งขันสูงเกินไปหรือเปล่า?
  • คีย์เวิร์ดตรงกับ Intent ของผู้อ่านจริงหรือไม่?

ตัวอย่าง: ใช้ “ประกันรถยนต์” สู้กับเว็บใหญ่ แต่คุณเป็นเพจเล็ก อาจลองขยับมาใช้ “ประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาถูก 2025” แทน

เนื้อหาไม่ตรงกับ Search Intent

บางบทความเขียนดี แต่อธิบายไม่ตรงกับสิ่งที่คนค้นหา เช่น คีย์เวิร์ดว่า “แจกสูตรลดน้ำหนัก” แต่เนื้อหาดันพูดถึงความสำคัญของการนอนหลับ แบบนี้ Google มองว่าไม่ตอบโจทย์

ลองเช็กว่าเนื้อหาของคุณ…

  • ตรงกับเจตนาการค้นหาหรือไม่ (ต้องการข้อมูล, ซื้อของ, รีวิว ฯลฯ)
  • มีความลึกมากพอไหม?
  • ตรงกับประเภทบทความที่ Google แสดงในหน้าแรกหรือไม่ (เช่น บางคีย์เวิร์ดเน้นวิดีโอ, บางอันเน้น Blog)

ขาด On-page SEO ที่ดี

แม้เขียนเก่งแค่ไหน แต่ไม่ใส่หัวข้อ H1, H2, ไม่ใส่ Meta Description หรือใช้ URL ยาวเกินไป ก็มีผลต่อ SEO

Bullet Checklist On-page SEO ที่ควรมี

  • ใช้ H1 แค่หนึ่งอันในหน้า
  • มี H2, H3 รองรับเนื้อหา
  • ใส่คำสำคัญใน Meta Description อย่างเป็นธรรมชาติ
  • ปรับความยาว URL ให้กระชับและอ่านง่าย
  • ตั้งชื่อรูปภาพ + ใส่ Alt Text ให้ครบ

ไม่มี Internal / External Link ที่เกี่ยวข้อง

Google ให้ความสำคัญกับโครงสร้างลิงก์ของเว็บไซต์ ถ้าบทความคุณเป็นเกาะโดดเดี่ยว ไม่เชื่อมโยงกับบทอื่นเลย หรือไม่อ้างอิงข้อมูลภายนอกที่น่าเชื่อถือ ก็จะลดความไว้วางใจจาก Search Engine

ข้อแนะนำ

  • ใส่ลิงก์ไปยังบทความอื่นในเว็บไซต์เดียวกัน
  • อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น สถาบันวิจัย, เว็บไซต์ทางการ
  • หลีกเลี่ยงการลิงก์ไปยังเว็บคู่แข่งโดยตรง

UX ไม่ดี – โหลดช้า อ่านยาก ไม่รองรับมือถือ

User Experience (UX) มีผลต่อเวลาอยู่บนหน้าเว็บ และ Bounce Rate ถ้าเว็บคุณช้า ฟอนต์เล็ก หรือปุ่มกดยากบนมือถือ จะทำให้ผู้อ่านปิดหนีเร็ว ซึ่ง Google จะรับรู้และจัดอันดับให้ต่ำลง

สิ่งที่ควรปรับปรุง

  • ปรับความเร็วหน้าเว็บให้โหลดใน 2–3 วินาที
  • ใช้ขนาดฟอนต์ที่อ่านง่าย (16px ขึ้นไป)
  • ปุ่ม CTA ต้องกดง่ายบนมือถือ
  • มีเวอร์ชันที่รองรับ Mobile (Responsive Design)

สรุป บทความไม่ติดอันดับ ไม่ใช่แค่เรื่องเขียนดี

การทำบทความให้ติดอันดับต้องอาศัยมากกว่าภาษาและข้อมูล แต่รวมไปถึงเทคนิค SEO การเลือกคีย์เวิร์ด ความเข้าใจพฤติกรรมคนอ่าน และโครงสร้างเว็บไซต์ที่สนับสนุนบทความนั้นด้วย ลองย้อนดูทั้ง 5 ข้อด้านบน แล้วเริ่มปรับจากข้อที่คุณยังไม่ทำ รับรองอันดับจะเริ่มขยับในไม่ช้า